เพชรเทียมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่
คิวบิก เซอร์โคเนีย (Cubic Sirconia ) หรือที่คนไทยเรียกว่า “เพชรรัสเซีย” เป็นเพชรเทียมที่นิยมที่สุด มีค่าดัชนีหักเหน้อยกว่าเพชร แต่การกระจายแสงสูงกว่า ทำให้มีประกายแวววาวแบบเพชร เพชรรัสเซียสังเคราะห์จากเซอร์โคเนียออกไซด์ (ZrO2) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีผลึกรูปโมโนคลินิก ( monoclinic ) โดยมีแคลเซียมไดออกไซด์ หรือ Yttrium Oxide (Y2O3 ) ผสมเข้าไปเล็กน้อย เพื่อให้คิวบิกเซอร์โคเนียเสถียรเป็นผลึกรูปคิวบิก (Cubic) ได้ในอุณหภูมิห้อง
Yttrium (Aluminium Garnet) บางทีเรียกว่า Diamomiar ค่าดัชนีหักเห และค่าการกระจายแสงต่ำกว่าเพชรเล็กน้อย ความแข็งตาม Moh’s Scale เท่ากับ 8 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 4.65
Gadolinium Gallium Garnet ค่าดัชนีหักเห และค่าการกระจายแสงใกล้เคียงเพชร ความแข็งตาม Moh’s Scale เท่ากับ 7 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 7.05
Strontium titanate มีชื่อทางการค้าว่า Fabulite , Starilian , Wellington ค่าดัชนีหักเหและค่าการกระจายแสงสูงกว่าเพชร ทำให้มีประกายแวววาวมากกว่า แต่อ่อน ความแข็งเท่ากับ 5 เพื่อนำไปทำเครื่องประดับจะขุ่นมัว ถูกขูดขีดง่าย ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชรคือ 24.26
Synthetic rutile อาจเรียกว่า “Titania ” มีค่าดัชนีหักเหและค่าการกระจายแสงสูงที่สุดในบรรดาเพชรเทียม แต่ไม่ใสบริสุทธิ์ มักมีสีเหลืองปน ค่อนข้างอ่อน มีความแข็ง 6 ความถ่วงจำเพาะมากกว่าเพชร คือ 5.15
Synthetic sapphire และ Synthetic spinel ทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นเพชรเทียมยุคแรก ความแวววาวน้อยกว่าเพชร แข็งทนทาน เพราะมีค่าความแข็งตาม Moh ข s scale เท่ากับ 9 และ 8 ตามลำดับ
เป็นยังไงกันบ้างครับ บทความนี้ ทำให้รู้ว่าวงการเพชรมีทั้งเพชรแท้ เพชรเทียมนะครับ หากท่านใดสนใจเรื่องเพชร ควรศึกษาให้มากๆ นะครับ บทความหน้าจะเป็นเรื่องอะไร คอยติดตามกันนะครับ ที่เว็บ สถานที่รับซื้อเพชร.com